วันแรก กรุงเทพฯ
– พาโร – คิชู ลาคัง – วัดทักซัง – ดรุกยาล ซอง – พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติพาโร –
พาโรซอง – ทิมพู
04.30 น. พร้อมกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ
อาคารผู้โดยสารขาออก ชั้น 4 ประตูทางเข้าที่ 10 เคาน์เตอร์
W เจ้าหน้าที่บริษัทฯ ให้การต้อนรับเพื่อเช็คอินตั๋วที่สายการบินแห่งชาติภูฏาน
ดรุกแอร์ (Druk Air)
สายการบินเดียวที่สามารถนำท่านเดินทางสู่ภูฏาน
06.50 น. j เหินฟ้าสู่ประเทศภูฏาน
โดยสายการบินดรุกแอร์ เที่ยวบินที่ KB141 (เครื่องแวะจอดที่ประเทศอินเดีย)
10.00 น. เดินทางถึงสนามบินพาโร เมืองพาโร ที่ระดับความสูง 2,200 เมตร
เหนือระดับน้ำทะเล ท่านสามารถมองเห็นทัศนียภาพอันสวยงามของเทือกเขาหิมาลัย
เทือกเขาเอเวอร์เรสท์ เทือกเขาคันเชงจุงก้า ซึ่งเป็นเทือกเขาที่สูงเป็นอันดับ 3
ของโลก และสามารถมองเห็นเทือกเขาน้อยใหญ่แห่งหิมาลัย เช่นยอดเขามาคะลู
ยอดเขาชมอนฮาริ ยอดเขาจีชูเดรก ยอดเขาซริมกาน และได้สูดอากาศบริสุทธ์ หลังผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากรแล้ว
vนำท่านเดินทางสู่ คิชู
ลาคัง(Kyichu
LhakhangTemple) ซึ่งเป็นวัดที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งในภูฏาน ตามประวัติว่าสร้างตั้งแต่ ราวพุทธศตวรรษที่12
หรือราว 1,300 ปีมาแล้ว ตั้งแต่สมัยที่ภูฎานยังเป็นดินแดนส่วนหนึ่งของทิเบต
โดย กษัตริย์ซองเซน กัมโป ซึ่งชาวทิเบตยกย่องว่าเป็นผู้อัญเชิญศาสนาพุทธสายวัชรยานตันตระมาประดิษฐานในทิเบต โปรดให้สร้างวัด108แห่งเพื่อตอกอวัยวะ108จุดของยักษ์ตนหนึ่งซึ่งนอนแผ่ทับเทือกเขาหิมาลัยไว้หมายจะไม่ให้สัจธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าเผย
แผ่ไปถึงโดยที่จุดที่สร้างวัดคิชูที่เมืองพาโรเป็นเท้าซ้ายของยักษ์
(อีกวัดหนึ่งในภูฏานอยู่ที่เมืองบุมทัง สร้างตรงเข่าซ้ายของยักษ์) จากนั้นนำท่านชมวิหารเก่าแก่ตั้งแต่สมัยซองเซนกัมปุซึ่งปูพื้นด้วยไม้แผ่นใหญ่
ตรงบริเวณเบื้องหน้าพระปฏิมาประธานมีรอยบุ๋มลึก เนื่องจากมีผู้แสวงบุญมายืนและก้มลงกราบพระแบบ
“อัษฎางคประดิษฐ์” (ร่างกายแตะพื้น 8 จุด) ซ้ำๆ กันเป็นเวลานานนับพันปี vจากนั้นนำชม “ดรุกยาล ซอง” (Drukgyel Dzong) ป้อมโบราณเก่าแก่อยู่บนยอดเขาสร้างราว ค.ศ. 1649 ใช้เป็นป้อมหน้าด่านต่อสู้จากผู้รุกรานจากทิเบตโดยตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของเมืองพาโร
ณ ที่แห่งนี้ท่านสามารถมองเห็นทิเบตและเทือกเขา
จูโมลฮารี หรือ “เทือกเขาแห่งพระเจ้า” ที่มีความสูงถึง 7,315 เมตรจากระดับน้ำทะเล
และเป็นจุดชมวิวของยอดเขา“จูโมลฮารี”(Jomolhari) vจากนั้นนำท่านเดินขึ้นเขา ณ วัดทักซัง
(Taktsang Monastery) ชื่อทักซังนี้มีความหมายว่าที่อยู่ของเสือ(Tiger’s Nest) ซึ่งตั้งตามตำนานความเชื่อเก่าวัดแห่งนี้จัดเป็นวัดที่มีชื่อเสียงที่สุดในราชอาณาจักรภูฏานเป็นวัดที่เก่าแก่สร้างในปี
ค.ศ. 1692 เชื่อกันว่าพระคุรุปัทมาสัมภวะซึ่งเป็นองค์ปฐมาจารย์ผู้นำศาสนาพุทธลัทธิตันตระไปเผยแพร่ในทิเบตและราชอาณาจักรแห่งนี้
ประทับบนหลังเสือ แล้วเหาะขึ้นมาวิปัสสนากรรมฐานในถ้ำแห่งนี้เป็นเวลา 3 เดือน
โดยชาวภูฏานทุกคนมีความปรารถนาแรงกล้าที่จะได้ขึ้นมาแสวงบุญที่ทักซังสักครั้งหนึ่งในชีวิต
ซึ่งตั้งอยู่บนหน้าผาสูง 900 เมตรชายเขตเมืองพาโร การเดินทางขึ้นไปยังวัดแห่งนี้ใช้เวลาอย่างน้อย
ประมาณ 1.5 ชั่วโมง
เที่ยง ä รับประทานอาหารกลางวัน ณ
ภัตตาคาร
vจากนั้นนำท่านชมพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ
(National Museum of Bhutan) ซึ่งในอดีตเคยเป็นหอสังเกตการณ์ หรือ
ตาซอง (Ta Dzong) ให้แก่พาโร ริงปุง ซอง แต่ถูกเปลี่ยนเป็นพิพิธภัณฑ์ในปี
ค.ศ. 1968 มีทั้งหมด 6 ชั้น พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เป็นที่เก็บรวมรวมภาพพระบฏ
อาวุธ เหรียญกษาปณ์ เครื่องมือเครื่องใช้ไม้สอย สัตว์ป่าแถบเทือกเขาหิมาลัย ตลอดจนดวงตราไปรษณีย์ที่สวยงามมากมายหลายรูปแบบ vจากนั้นนำท่านสู่ เมืองพาโร
ชมพาโรซอง(Paro Rinpong Dzong) สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1645ในรัชสมัยของ Shabdrung Ngwang Namgyel ผู้เป็นกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ที่รวมประเทศภูฏานเข้าไว้เป็นหนึ่งเดียวในช่วง
คริสตศตวรรต 17 ถูกสร้างบนพื้นที่
ที่เด่นตระหง่านอยู่ในหุบเขาพาโร
ทางเข้าตัวซองจะมีสะพานไม้ที่สวยงามพาดผ่านแม่น้ำเพื่อเข้าสู่ตัวซอง
ปัจจุบันพาโรซองเป็นทั้งสถานที่สำหรับส่วนบริหารเมืองพาโร และส่วนที่เป็นวัด
ซึ่งมีพระสงฆ์จำพรรษาอยู่ประมาณ 200 รูป vจากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองทิมพู
ราชธานีแห่งภูฏานโดยทางรถยนต์ ระยะทาง 68 กิโลเมตรใช้เวลาเดินทาง 1.30 ชั่วโมง
ระหว่างทางท่านสามารถมองเห็นทัศนียภาพอันสวยงามของภูฏานและท่านจะตื่นตาตื่นใจสถาปัตยกรรมที่มีรูปแบบและมีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของภูฏาน
ที่ท่านจำได้พบเห็นตลอดสองข้างทางจนกระทั่งมองเห็นภาพบ้านเรือนแบบภูฏานซึ่งคับคั่งกว่าที่ใด โดยสร้างลดหลั่นตามเชิงเขา ซึ่งมีพื้นที่ราบเล็กๆ
โอบล้อมด้วยขุนเขา มีแม่น้ำทิมพูไหลพาดผ่าน
ทิมพูนับว่าเป็นเมืองหลวงที่เล็กที่สุดของเอเชีย
ถึงตัวเมืองทิมพู
นำท่านชมเมืองทิมพูซึ่งเป็นเมืองหลวงแห่งเดียวในโลกที่ไม่ใช้ไฟจราจร ท่านจะรู้สึกได้ถึงการผสมผสานอย่างลงตัวของประเพณีดั้งเดิม
และความทันสมัย โดยเอกลักษณ์ที่โดดเด่น คือ สถาปัตยกรรมและวัฒนธรรมการแต่งกาย ตลอดจนมิตรไมตรีจิตของผู้คน
โดยชาวภูฏานส่วนใหญ่จะแต่งกายด้วยชุดประจำชาติ ผู้ชายจะแต่งชุดที่เรียกว่า โก (Kho)
ส่วนผู้หญิงจะแต่งชุดที่เรียกว่า กีร่า (Kira) ท่านสามารถจับจ่ายซื้อของที่ระลึกพื้นเมืองต่างๆ เช่น ผ้าทอภูฏาน
เครื่องประดับเงิน ไม้แกะสลัก ภาพพระบฏ (Thangka) น้ำผึ้ง
และหนังสือได้ที่นี่
ค่ำ ä รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
ã พัก ณ
โรงแรม PHUNTSHOPELRI OR JUMOLTHARI HOTEL,เมืองทิมพู หรือเทียบเท่า(ระดับ 4 ดาว )
วันที่สอง ทิมพู
– วัดชันกังคา – วัดแม่ชีซิลูคา – มหาสถูปพระบรมอัฐิ– เลือกซื้อของตลาดสุดสัปดาห์ –
สอนงานศิลปะ – ทาชิโชซอง
เช้า อรุณสวัสดิ์...
ä
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
vจากนั้นนำชมวัดชันกังคา (Changangkha Temple) วัดนี้เป็นวัดที่เก่าแก่ ซึ่งถูกสร้างในค.ศ. ที่ 14 หรือ กว่า 600 ปี vจากนั้นนำท่านชม วัดแม่ชี ซิลูคา (Zilukha Nunnary) ซึ่งเป็นวัดแห่งเดียวในทิมพูที่มีแม่ชีจำวัดและศึกษาเล่าเรียนอยู่
vจากนั้นชม
มหาสถูปประดิษฐ์ฐานพระบรมอัฐิ ( Memorial Chorten) จิกมี
ดอร์จี วังชุก
ซึ่งเป็นพระชนกของกษัตริย์(พระเจ้าจิกมี
ซิงเย วังชุก) พระองค์เป็นกษัตริย์องค์ที่ 3 ที่ปกครองภูฏาน ในช่วงปีค.ศ. 1952-1972 และทรงได้รับพระฉายาว่า “พระบิดาแห่งภูฏานยุคใหม่” (King of Merdernization) มีประสงค์จะสร้างเพื่อเป็นการถวายเป็นพุทธบูชา แทนสัญลักษณ์ กาย วาจา
และใจ ของพุทธศาสนา
แต่ท่านได้เสียชีวิตลงเสียก่อน
สมเด็จพระราชินีจึงได้ดำเนินการสร้างต่อจนแล้วเสร็จ
vจากนั้นนำท่าน เดินเล่นใน
ตลาดสุดสัปดาห์ (Weekend Vegetable
Market) ซึ่งจำหน่ายผลผลิตทาง
การเกษตร และของที่ระลึก แวะชม Handicrafts Emporium สถานที่รวมรวมผลงานหัตรถกรรมเช่นผ้าขนแกะ
และงานฝีมือของชาวภูฏานแบบต่างๆ สำหรับคนทุกวัยให้ชมและเลือกซื้อ ชมโรงเรียนสอนงานศิลปะ
(The School of Arts and Crafts or the Painting School) เป็นสถาบันที่สอนงานศิลปะและงานช่างของภูฏาน
13 แขนง โดยใช้หลักสูตร 6 ปี ซึ่งท่านจะเห็นเด็กนักเรียนกำลังประดิษฐ์
งานศิลปะแขนงต่างๆ เช่น การแกะสลักไม้ การปั้นพระพุทธรูปปูนปั้น
และการวาดภาพพระบฏหรือภาพทังก้า (Tanka) จากนั้นนำท่านเยี่ยมชม หอสมุดแห่งชาติ
(The National Library)
ชมซังเกกัง (Sangaygang) จุดชมวิวทิวทัศน์
ที่สวยงามของหุบเขาเมืองทิมพู เพื่อเก็บภาพประทับใจและชมสถานอนุรักษ์สัตว์ประจำชาติของภูฏาน(NATION
ANIMAL)ที่เรียกว่าทาคิน (Takin)
ซึ่งปัจจุบันหาดู ได้ยากมาก
เที่ยง ä รับประทานอาหารกลางวัน ณ
ภัตตาคาร
vนำท่านชม ทาชิโชซอง(Tashichcho Dzong)
ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งเมืองหลวงทิมพู ซองแห่งนี้มีรูปแบบสถาปัตยกรรมที่สวยงามมากและใหญ่โตปัจจุบันถูกใช้แยกเป็นส่วนต่างๆเช่น
สถานที่ทำงานของกษัตริย์ สถานที่พักในฤดูร้อนของสมเด็จพระสังฆราช
ตลอดจนสถานที่ทำการของรัฐบาล (หมายเหตุ : ก่อนอื่นคงต้องขอพูดถึงเรื่องของซอง(Dzong)เสียก่อนมาภูฏานสิ่งที่นักท่องเที่ยวจะได้พบเห็นและได้ยินบ่อยๆ คือ
ซอง เพราะ“ซอง”
ไม่ใช่เป็นเพียงสถาปัตยกรรมที่มีความสำคัญกับด้านการบริหารการปกครองบ้านเมืองเท่านั้น
หากแต่เป็นศูนย์รวมจิตใจของพุทธศาสนิกชนภูฏาน
เนื่องจากเป็นที่ตั้งของวัดหลักประจำท้องถิ่นเขตนั้นๆ หากแปลความหมายของซอง ซึ่งเป็นภาษาซองคาก็คือป้อมปราการที่ในอดีตใช้เป็นที่ใช้ป้องกันอริศัตรูที่มารุกรานผืนดินแห่งนี้นั่นเอง)
ค่ำ ä รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
ã พัก ณ
โรงแรม PHUNTSHOPELRI OR JUMOLTHARI HOTEL,เมืองทิมพู หรือเทียบเท่า(ระดับ 4 ดาว )
วันที่สาม
ทิมพู
– โรงเรียน สอนงานศิลปะ – ที่ทำการไปรษณีย์ภูฏาน – โดชูลา –
วัดชิมิลาคัง
– ปูนาคา
เช้า อรุณสวัสดิ์...
ä
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
vจากนั้นนำท่านชม โรงงานกระดาษทำด้วยมือและพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์พื้นบ้าน(The Folk Heritage Museum) จากนั้นชมการแสดงวัฒนธรรมพื้นเมือง พร้อมเสริ์ฟเครื่องดื่ม จากนั้นนำท่านอิสระช้อปปิ้งเลือกซื้อของฝากvจากนั้นนำท่านชมที่ทำการไปรษณีย์ภูฏาน
(Post Office)ซึ่งท่านสามารถเลือกซื้อดวงตราไปรษณียากรที่งดงามของภูฏานที่ถูกจัดแสดงไว้ที่นี่ภูฏานจัดเป็นประเทศ
“เจ้าแห่งสแตมป์”แห่งหนึ่งของโลกสแตมป์ของภูฏานมีให้เลือกในหลายรูปแบบและราคาทั้งรูปวิวทิวทัศน์ธรรมชาติ
รูปวัดและป้อมปราการที่เรียกว่าซ็อง (Dzong) รูปสัตว์ รูปดอกไม้ต่างๆรวมทั้งยังมีสแตมป์
3 มิติอีกด้วย
เที่ยง ä รับประทานอาหารกลางวัน ณ
ภัตตาคาร
vจากนั้นเดินทางสู่ เมืองปูนาคา อดีตราชธานีของภูฏานมากว่า 300 ปี
ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1639-1955 ถูกสร้างและปกครองโดยพระลามะผู้ใหญ่ซึ่งลี้ภัยมาจากทิเบต
นามชับดรุง งาวังนัมเกล (Shabdrung
Ngawang Namgyal) ผู้มีบทบาทในการรวบรวมแคว้นต่างๆ
เข้าเป็นอาณาจักร “ภูฏาน” เพียงหนึ่งเดียว
เมืองปูนาคา(Punakha)
ที่ระดับความสูง 1,300 เมตร (ต่ำกว่าทิมพูราว 1,000
เมตร)จึงมีสภาพอากาศอบอุ่นกว่าทิมพู กษัตริย์ภูฏานและสมเด็จพระสังฆราชจะทรงสเด็จแปรพระราชฐานในฤดูหนาว(ช่วงเดือนพ.ย.-
เม.ย.) ปูนาคาจึงเป็น“เมืองหลวงฤดูหนาว”(Winter
Capital) ในขณะที่ทิมพูเป็น“ เมืองหลวงฤดูร้อน
” และยังเป็นเมืองหลวงอย่างเป็นทางการ ระยะทาง 80 กิโลเมตรใช้เวลาร่วม 2 ชั่วโมงครึ่ง ระหว่างทางจะข้ามช่องเขา “โดชูลา” (Dochula Pass) หรือช่องเขาศิลาที่มีระดับความสูง
3,150 เมตร เหนือระดับน้ำทะเลปานกลาง
เป็นช่องเขาที่สามารถมองเห็นเทือกเขาหิมาลัยได้ในระยะใกล้ บางวันก็จะเห็นทะเลหมอกปกคลุมอยู่ทั่วไปรวมถึงกังก้า พุนซุม
(Gangkhar Phuensum) ยอดเขาที่สูงที่สุดในโลก ยังไม่มีผู้ใดสามารถปีนขึ้นไปได้)
ซึ่งสูงถึง 7,500 เมตร ซึ่งมีสถูป “ดรุค
วังเกล” ( Druk Wangle Chorten )หรือสถูปแห่งความเป็นสิริมงคลและสันติสุขของแผ่นดิน
108 องค์ ซึ่งสร้างขึ้นมาเพื่อถวายพระโพธิสัตว์ของชาววัชรยาน 108 องค์ โดยสมเด็จพระราชินี อะชิ ดอร์จิ วังโม ชมวัดชิมิลาคัง (Chimi Lhakhang) วัดชิมิลาคัง เป็นวัดขนาดเล็กที่สร้างในสมันศตวรรษที่
15 เป็นวัดที่มีความสำคัญแห่งหนึ่งคือหญิงสาวมักมาขอลูก
วัดนี้อยู่บนเนินเขาเล็กๆ ตั้งอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆ ระหว่างเมืองปูนาคาและวังดี Chimi
แปลว่า ไม่มีสุนัข สร้างขึ้นโดยลามะ Drukpa Kuenley กล่าวเป็นตำนานว่ามีการปราบพวกปีศาจร้ายหรือสิ่งไม่ดี และ Drukpa
Kuenley ได้ฝังสุนัขไว้บนเนินเขา และ ทำสัญลักษณ์ด้วย เจดีย์ และกำหนดให้สถานที่แห่งนี้จะถูกสร้างให้เป็นวัดในอนาคต
วัดชิมิลาคัง ต้องใช้การเดินเท้า(Trekking) ระยะทางประมาณ 1
ก.ม.
ค่ำ ä รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
ã พัก ณ
โรงแรม DAMCHEN RESORT OR ZANGTOPELRI HOTEL, เมืองปูนาคา หรือเทียบเท่า
(ระดับ 4 ดาว )
วันที่สี่ เมืองปูนาคา – ปูนาคาซอง – วังดีโป ดรังซอง – เมืองพาโร
เช้า อรุณสวัสดิ์...
ä
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
vจากนั้นนำท่าน ชมสถูปคำซำยูเล
(Khamsum Yuley
Chorten) ซึ่งเป็นสถูปขนาดใหญ่สร้างอยู่บนเขาต้องใช้เวลาเดินเท้าประมาณ 45 นาทีสถูปแห่งนี้สร้างโดยหนึ่งในราชินีของภูฏานเพื่อความเจริญรุ่งเรือง
และมีพระชมน์ชีพยืนยาวของมงกุฏราชกุมารแห่งภูฏาน ตลอดจนเพื่อความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชนในประเทศภูฏาน
vจากนั้นนำท่านชม
ปูนาคาซอง (Punakha
Dzong) ซึ่งมีขนาดพื้นที่ยาว 180 เมตร
กว้าง 72 เมตร มีหอกลางหลังคายอดโดมทองสูงถึง 6 ชั้น ภายในซองแบ่งเป็นส่วนที่ทำการปกครองเขตและส่วนของศาสนา และเป็นที่ประทับของพระสังฆราชในฤดูหนาวเพราะที่นี่มีอากาศอบอุ่นกว่าในช่วงฤดูหนาว
ด้านหน้าของ ปูนาคาซองจะเป็นจุดที่แม่น้ำโพ
(Po Chu) และแม่น้ำโม (Mo Chu) ซึ่งหมายถึงแม่น้ำพ่อและแม่น้ำแม่ไหลมาบรรจบกันพอดี vจากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมืองวังดี
โป ดรัง (Wangdi Phodrang)เป็นเมืองในอดีตที่สำคัญของประวัติศาสตร์ภูฏาน
ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองปูนาคาประมาณ 13 กิโลเมตร เมืองที่มีกระแสลมแรงตลอดทั้งปีนำท่านชมวังดีโป
ดรังซอง(WangdiPhodrang Dzong) ป้อมปราการวัด
และศาลาว่าการเมืองที่ โดดเด่นเป็นสง่าอยู่บนหน้าผาสูง ณจุดบรรจบของลำน้ำปูนาซัง และลำน้ำดังสร้างในปีพ.ศ.
2181 ตามตำนานว่ามีพระโพธิสัตว์นาม “ธรรมบาลมหากาล”
ปรากฎองค์ต่อหน้าท่านซับดรุงงาวัง นัมเกล (พระลามะผู้รวบรวม “ซอง” ต่าง ๆ ให้เป็น ประเทศภูฏานในวันนี้)
โดยระบุว่าถ้าจะให้แผ่นดินภูฏาน เจริญยั่งยืนชั่วกาลนานจะต้องสร้าง“ซอง”ในทิศที่ฝูงนกดุเหว่าบินไปชาวภูฏานจึงนับถือนกดุเหว่าเป็น “นกประจำชาติ”ตามความเชื่อว่าธรรมบาลมหากาลมีร่างเป็นคนแต่มีเศียรเป็นนกดุเหว่าน่าเกรงขามเพื่อ กำราบเหล่าปีศาจร้าย
เที่ยง ä รับประทานอาหารกลางวัน ณ
ภัตตาคาร
vจากนั้นนำท่านสู่เมืองพาโร
ค่ำ ä รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
ã พัก ณ โรงแรม KHAKHU RESORT OR TASHI NAMGAY RESORT,พาโร หรือเทียบเท่า (ระดับ 4
ดาว )
วันที่ห้า พาโร – กรุงเทพฯ
เช้า อรุณสวัสดิ์...
ä
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
08.00 น. vจากนั้นได้เวลานำท่านเดินทางสู่สนามบินพาโร
10.50 น.
j เหิรฟ้ากลับกรุงเทพ
โดยสายการบินดรุกแอร์ เที่ยวบินที่ KB122 (เครื่องแวะจอดที่ประเทศอินเดีย)
16.30 น. ถึงสนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ
โดยสวัสดิภาพ พร้อมความประทับใจ มิรู้ลืม...
j
อัตราค่าบริการ (สำหรับผู้เดินทาง 6 ท่านขึ้นไป)
รายละเอียด
ต่อท่าน
|
ราคา
|
ผู้ใหญ่ พักห้องละ 2 ท่าน ท่านละ
|
เริ่มต้นที่
59,900
|
เด็ก พักกับผู้ใหญ่ 2 ท่าน(เสริมเตียง) ท่านละ
|
เริ่มต้นที่
55,900
|
*** พักเดี่ยวจ่ายเพิ่ม ท่านละ
|
12,000
|
ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่
เมจิก ออน ทัวร์ ( MAGIC ON TOUR )
ที่อยู่ : 245 ซอยเศรษฐกิจ 1 ถนนหมู่บ้านเศรษฐกิจ แขวงบางแคเหนือ เขตบางแค กรุงเทพฯ 10160
โทร : 02-444-3173 , 089-219-0822 แฟกซ์ : 02-809-4989
++++
นี่คือ ความมหัศจรรย์ที่ "เมจิกออนทัวร์" ตั้งใจมอบให้กับทุกท่านค่ะ
* * *
ความประทับใจเกิดขึ้นทุกการเดินทางเสมอ กับเมจิกออนทัวร์
มาร่วมสัมผัสความประทับใจอีกหลากหลายมุม กับหลายเส้นทางท่องเที่ยว หลายโปรแกรมทัวร์ที่น่าสนใจ
คลิกดูรายละเอียดต่างๆที่
Website : http://www.magic-ontours.com
FB : http://www.facebook.com/magicontours
TL : http://twitter.com/magicontour
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น